เจ็บคอ มีสาเหตุเกิดจากอะไร?
เจ็บคอ มีเสมหะ รู้สึกแสบร้อนในคอ เจ็บคอ ไม่มีไข้หรือมีไข้สูง เป็นภาวะความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในลำคอที่พบได้ในผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยระดับความรุนแรงของอาการเจ็บคอนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายระดับทั้งอาการเจ็บคอในระยะแรกที่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติจะมีแค่เพียงรู้สึกเจ็บคอ ระคายคอบ้างเป็นครั้งคราว หรือในกลุ่มที่มีอาการเจ็บคอชนิดรุนแรง แสบคอ คอแห้ง มีปัญหากลืนเจ็บจนแค่เพียงการกลืนน้ำลายก็กลายเป็นเรื่องยาก อาการเจ็บคอ ระคายเคืองลำคอเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและมีวิธีการรักษาอาการที่แตกต่างกันออกไปแต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาการเจ็บคอที่ต้องรักษาด้วยการทานยาเท่านั้นทำให้การรักษาไม่มีประสิทธิภาพและเกิดปัญหาการใช้ยาเกินจำเป็น เจ็บคอ คันคอ แบบนี้เกิดจากอะไร? อาการเจ็บคอ แต่ละรูปแบบเป็นแบบไหน บทความนี้มีคำตอบ
สาเหตุของอาการเจ็บคอ
สาเหตุที่ทำให้เจ็บคอ คอแห้ง แสบร้อนในคอ นั้นอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บคอ มีเสมหะ แบบมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้ร่วมด้วยเกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดที่พบได้บ่อยในช่วงที่สภาพอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง รวมไปจนถึงอาการเจ็บคอเรื้อรัง ระคายเคืองในลำคอ คอบวมแดงเนื่องจากคออักเสบหรืออาการเจ็บคอที่เกิดจากการใช้เสียงมากเกินไป ซึ่งสามารถแบ่งสาเหตุที่ทำให้เจ็บคอออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
1. สาเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อ
อาการเจ็บคอ คอแห้ง ระคายเคืองภายในลำคอที่เกิดจากการติดเชื้อเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยมากที่สุด โดยเกิดจากการติดเชื้อภายในระบบทางเดินหายใจจนส่งผลให้เกิดอาการอักเสบ ปวดบวมแดงภายในลำคอ ผนังคอหอยและต่อมทอนซิล ซึ่งได้แก่
- อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อรา เป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอที่พบได้น้อย โดยมักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ฯลฯ ทำให้มีเชื้อราหลุดรอดเข้าไปภายในร่างกายและลำคอได้โดยง่าย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการระคายเคืองในลำคอ เจ็บคอ
- อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอ คันคอที่พบได้มากถึงร้อยละ 70-80 โดยผู้ป่วยมักจะเริ่มแสดงอาการภายใน 3-5 วันหลังจากได้รับเชื้อ ทั้งอาการมีเจ็บคอ มีเสมหะ ไม่มีไข้ (ในบางรายอาจมีไข้ต่ำๆ) รู้สึกปวดเนื้อปวดตัว อาจมีอาการคอแดง จมูกแดง เสียงแหบ โดยการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บคอได้แก่
- เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
- เชื้อไวรัสไข้หวัด (Common cold)
- เชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19)
- อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักมีอาการที่รุนแรงกว่า โดยทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูง เจ็บคอ มีเสมหะ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ โดยเชื้อแบคทีเรียที่สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้ เช่น
- เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส (Streptococcus pyogenes) ทำให้เกิดโรคคออักเสบ
- อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อรา เป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอที่พบได้น้อย โดยมักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ฯลฯ ทำให้มีเชื้อราหลุดรอดเข้าไปภายในร่างกายและลำคอได้โดยง่าย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการระคายเคืองในลำคอ เจ็บคอ
2. สาเหตุที่ไม่ใช่การติดเชื้อ
การเจ็บคอ คอแห้ง เแสบร้อนในคอ ในบางครั้งก็ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแต่เป็นอาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นจากปัจจัยอื่นๆ ได้แก่
- การใช้เสียงมากเกินไป การตะโกน การตะเบ็งเสียงหรือการพูดคุยติดต่อกันเป็นเวลานาน
- การสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ทำให้เกิดการระคายเคืองภายในระบบทางเดินหายใจและลำคอได้
- กรดไหลย้อน เกิดจากกรดที่อยู่ในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่บริเวณลำคอผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนจึงมักมีอาการเจ็บคอ แสบร้อนในคอ แสบร้อนกลางอกอยู่เป็นประจำ
- อากาศ สภาพอากาศนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้เช่นเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อากาศแห้งหรือมีความชื้นในอากาศไม่เพียงพอทำให้เกิดการเสียดสีในลำคอจนเกิดอาการระคายคอ แสบคอ
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด สามารถทำให้เกิดอาการระคายคอจนทำให้เจ็บคอได้ เช่น ยาลดความดันโลหิต
อาการเจ็บคอหรือคออักเสบเป็นอย่างไร ?
เมื่อรู้สึกเจ็บคอ มีอาการระคายเคืองในลำคอ ควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อการบ่งชี้สาเหตุที่ทำให้เจ็บคอได้อย่างถูกต้องและใช้วิธีการรักษาอาการเจ็บคอได้อย่างเหมาะสม สำหรับอาการเจ็บคอ ระคายคอ มีลักษณะอาการโดยทั่วไป ดังนี้
- เสียงแหบ มีอาการแสบร้อนภายในคอ
- เจ็บคอ ไม่มีไข้
- ต่อมทอนซิลโต
- มีอาการเจ็บคอมากขึ้นในขณะที่กลืนน้ำลาย กลืนอาหารหรือดื่มน้ำ
ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นเพียงอาการขั้นพื้นฐานของการเจ็บคอที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ทั่วไป สำหรับอาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ คออักเสบ จะส่งผลให้มีอาการอื่นๆ ที่รุนแรงมากขึ้น ได้แก่
- อาการเจ็บคอจากเชื้อไวรัส ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการไอ เจ็บคอ มีเสมหะ มีน้ำมูก คอแดง เสียงแหบ และมีไข้ต่ำๆ ร่วมด้วย
- อาการเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรีย มีอาการรุนแรงมากกว่าโดยผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูก มีเสมหะข้นเหนียวสีเหลืองและสีเขียว มีจุดหนองที่บริเวณต่อมทอนซิล ผนังคอหอยและลิ้นไก่บวมแดง หรือในผู้ป่วยบางรายที่มีการติดเชื้อชนิดรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามไขข้อและกระดูก เจ็บคอร้าวไปยังกกหู มีผื่นขึ้นตามผิวหนังและมีเลือดเจือปนอยู่ในเสมหะและน้ำลาย ซึ่งควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุของอาการและรับการรักษาอย่างเหมาะสมในทันที
ภาวะแทรกซ้อนของอาการเจ็บคอ
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยเมื่อเกิดการเจ็บคอ คือ ภาวะร่างกายขาดอาหารและน้ำ เนื่องจากเมื่อมีอาการเจ็บคอ ระคายคอ กลืนเจ็บ ส่งผลให้กลืนน้ำและอาหารได้ลำบาก การรับรสไม่ดีเท่าที่ควรจนส่งผลให้ไม่อยากอาหาร ทานน้อยลงร่างกายจึงได้รับสารอาหารและน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันโดยส่วนมากมักจะเกิดในวัยเด็กและผู้สูงอายุ นอกไปจากนี้การเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียที่บริเวณลำคอไปยังหูและจมูก ทำให้เกิดการติดเชื้ออื่นๆ เพิ่มเติมได้
วิธีรักษาอาการเจ็บคอ
การรักษาอาการเจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอ มีวิธีรักษาที่แตกต่างกันออกไปตามสาเหตุของอาการเจ็บคอ ได้แก่ การรักษาตามการติดเชื้อชนิดต่างๆ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ดังนี้
1. การรักษาตามการติดเชื้อชนิดต่างๆ
- การติดเชื้อไวรัส ปกติแล้วจะสามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน โดยอาศัยการทำงานของภูมิคุ้มกันร่างกายและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ หากอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดไม่รุนแรงไม่จำเป็นต้องรับประทานยา หรือหากทานยา แนะนำเป็นยาบรรเทาตามอาการ เช่น ยาลดน้ำมูก ยาแก้อักเสบบรรเทาอาการเจ็บคอ และแนะนำว่าให้หมั่นกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ (ใช้เกลือปริมาณ 1 ช้อนชาผสมลงในน้ำอุ่น 1 ถ้วย) เพื่อช่วยบรรเทาให้อาการเจ็บคอหายเร็วขึ้น
- การติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บคอมาก มีอาการบวม คออักเสบจนทำให้กลืนได้ลำบาก หากอาการเจ็บคอยังไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน ร่วมกับมีภาวะข้างเคียงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง มีเลือดปนในน้ำลายหรือเสมหะ ควรปรึกษาเภสัชกรหรือพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าควรใช้ยาปฏิชีวนะหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แพทย์มักจะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดการติดเชื้อ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม
อาการเจ็บคอที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ใช่การติดเชื้อ ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการใช้ยาแต่มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ คอแห้ง อาการแสบร้อนในคอให้ดีขึ้นได้ เช่น
- การกิน ในช่วงที่มีอาการเจ็บคอควรรับประทานอาหารอ่อนๆ หรืออาหารที่รสไม่จัด เน้นอาหารที่ปรุงด้วยการต้ม ตุ๋นหรือนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณลำคอมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
- การนอน สาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อจนเกิดอาการเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้งคือ ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ซึ่งเกิดจากการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอหรือการนอนดึกบ่อยๆ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ฟื้นตัวจากการอาการไข้ได้ช้า ผู้ป่วยจึงควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้มากขึ้น
- การใช้เสียง ผู้ที่มีอาการเจ็บคอ เสียงแหบ มีอาการระคายเคืองในลำคอ ควรงดใช้เสียงมากเกินจำเป็น หลีกเลี่ยงการตะโกน ตะเบ็งเสียงและการพูดติดต่อกันเป็นเวลานาน
วิธีบรรเทาอาการเจ็บคอด้วยตัวเอง
นอกไปจากการรักษาอาการเจ็บคอด้วยการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นแล้วนั้น ยังสามารถใช้วิธีบรรเทาอาการเจ็บคอ คอแห้ง ระคายเคืองในลำคอ ดังนี้
- ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ลำคอ ลดอาการคอแห้งและระคายเคือง ที่สำคัญยังช่วยให้ร่างกายกำจัดเชื้อโรคและเสมหะได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- ดื่มชาเขียวอุ่นๆ นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้เป็นอย่างดีแล้วนั้นในชาเขียวยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันด้วย
- ยาอมแก้เจ็บคอ ปัจจุบันมียาอมแก้เจ็บคอหลายชนิดที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้นได้ใช้สเปรย์พ่นคอ เป็นอีกทางเลือกที่สามารถบรรเทาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยควรเลือกใช้สเปรย์พ่นคอที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง หรือสารสกัดสแตนดาร์ดไดซ์โพรโพลิส ที่มีส่วนช่วยให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอให้ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีป้องกันอาการเจ็บคอ
นอกไปจากการมองหาวิธีรักษาอาการเจ็บคอ หรือวิธีช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้นได้ด้วยตนเองแล้วนั้น การเตรียมตัวป้องกันและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเพื่อลดโอกาสของการติดเชื้อภายในลำคอก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน โดยมีแนวทางการปฏิบัติตนดังนี้
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น โดยในแต่ละวันควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-2 ลิตร/วัน
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- ใช้หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่สาธารณะหรือสถานที่แออัดซึ่งระบายอากาศได้ไม่ดี
- หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม
- ฉีดวัคซีนไข้หวัดหรือโรคติดต่อชนิดต่างๆ ตามความเหมาะสม
สรุป
เจ็บคอ ระคายเคืองในลำคอ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุทั้งการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อและการเจ็บคอที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ ซึ่งลักษณะอาการมีความแตกต่างกันออกไป โดยในกลุ่มที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสจะมีอาการเจ็บคอ ไอ ระคายคอและอาจมีไข้ต่ำๆ สามารถหายเป็นปกติภายในช่วง 5-7 วันโดยไม่ต้องใช้ยา ส่วนในกลุ่มที่มีอาการเจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรียผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงมากกว่า มีไข้สูง มีเสมหะข้นเหนียว อ่อนเพลียและเบื่ออาหารซึ่งควรเข้าพบแพทย์และใช้ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งของแพทย์เพื่อช่วยลดการติดเชื้อ อาการเจ็บคอถึงแม้จะไม่ใช่อาการของโรคร้ายแรงแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจส่งผลทำให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างยากลำบาก เมื่อมีอาการเจ็บคอจึงควรรีบดูแลรักษาให้หายโดยเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้อาการทวีความรุนแรงจนจัดการได้ยาก
FAQs
เจ็บคอแบบไหนอันตราย?
เจ็บคอ แสบคอจนกลืนอาหารไม่ได้ รู้สึกปวดหน่วงที่คอข้างใดข้างหนึ่ง เจ็บคอร่วมกับการมีไข้สูงมีเลือดปนเสมหะหรือน้ำลาย
คออักเสบ กี่วันหาย?
อาการคออักเสบจะหายและดีขึ้น ประมาณ 4-5 วัน (ขึ้นอยู่กับอาการและสาเหตุ)
โควิดจะมีอาการไข้กี่วัน?
การติดเชื้อโควิด จะมีอาการต่อเนื่องประมาณ 6-7 วัน
อาการเจ็บคอ คอแห้ง เกิดจากอะไร?
เกิดจากการขาดน้ำอย่างรุนแรง ทำให้คอขาดความชุ่มชื้นและระคายเคืองได้
คอแห้งกินอะไรถึงจะหาย?
หมั่นจิบน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องตลอดทั้งวัน ร่วมกับการใช้ยาอมแก้เจ็บคอหรือสเปรย์พ่นคอช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการระคายเคืองภายในลำคอ
เจ็บคอมากสุดกี่วัน?
อาการเจ็บคอแบบรุนแรง เจ็บคอมาก จะมีอาการประมาณ 4-5 วันหลังจากนั้นอาการจะค่อยๆ ทุเลาลงและดีขึ้นตามลำดับ
อาการเจ็บคอจากโควิดเป็นแบบไหน?
จะมีอาการไอแห้ง เจ็บคอ กลืนน้ำลายลำบากและมีการระคายเคืองคอ